บทที่ 7 ตอนที่ 7
“แกคงสะใจสินะที่แย่งผู้ชายของฉันไปได้ อีพาย!”
“คุณสุ...พาย...พายไม่ได้ตั้งใจ” พาขวัญน้ำตาทะลัก ละอายใจยิ่งนักกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“คุณ...คุณสุไม่ต้องกังวลหรอกนะคะ พาย...พายจะลืมทุกอย่างซะ วันนี้มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น”
พาขวัญช้อนตาขึ้นมองลาซาลอส น้ำตายังคงไหลไม่หยุด
“พายกับคุณลาซ...เราสองคนไม่ได้มีอะไรกัน...ไม่ได้มีอะไรกันแม้แต่นิดเดียวค่ะ” มือเล็กยกขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง “พาย...พายขอตัวกลับก่อนนะคะ”
พาขวัญรีบวิ่งออกมาโดยไม่ฟังแม้แต่เสียงห้าวที่ตะโกนเรียกตามหลังมา หล่อนจะต้องไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เพราะถ้าอยู่ตรงนั้นต่ออีกแม้แต่วินาทีเดียว หล่อนคง...คงจะต้องขาดใจตายอย่างแน่นอน
ทำไมเจ็บแบบนี้นะ ทำไมถึงได้เจ็บระบมไปทั้งหัวใจแบบนี้ เพราะเสียใจกับเหตุผลของลาซาลอสใช่ไหม
‘ถ้าเรื่องนี้จะมีคนผิด คนคนนั้นก็คือผม เพราะผมต้องการเอาคืนคุณ ผมถึงได้นอนกับพาขวัญ’
นี่ไงเหตุผลของลาซาลอส เหตุผลแท้จริงที่เขานอนกับหล่อน มันไม่ใช่แค่ความใคร่อย่างที่เขาบอก แต่มันคือการแก้แค้นเอาคืนสุพรรษา และถ้าหล่อนคาดเดาไม่ผิด ที่สุพรรษามาปรากฏตัวแบบนี้ ก็คงเป็นเพราะฝีมือของลาซาลอสอีกนั่นละ
ทำไม...ทำไมลาซาลอสถึงได้ใจร้ายขนาดนี้นะ!
สองปีแล้วสินะกับเรื่องน่าอดสูที่ตัวเองไม่เคยลืมเลือน หลังจากที่วิ่งหนีออกมาวันนั้น หล่อนก็รีบเก็บข้าวเก็บของกลับเมืองไทยทันที โดยไม่รอให้ สุพรรษากลับมาดุด่าหรือทำร้ายอีก
หล่อนกลับมาอยู่ที่บ้านพ่อกับแม่ของสุพรรษาที่เมืองไทย และปิดหูปิดตาไม่ยอมรับรู้เรื่องราวของสุพรรษากับลาซาลอสอีกเลย จนกระทั่งมารู้ว่า สุพรรษาตัดสินใจแต่งงานกับเพื่อนรักของลาซาลอสในสองเดือนถัดมา
พาขวัญถอนใจแผ่วเบา ขณะเงยหน้าขึ้นมองแผ่นฟ้ายามเย็นที่กำลังถูกความมืดมิดกลืนกินด้วยความหดหู่ใจ
ถึงแม้ว่าตอนนี้หล่อนจะถูกเรียกตัวให้กลับมาอยู่เป็นเพื่อนสุพรรษาอีกครั้ง เพื่อช่วยดูแลลูกชายของสุพรรษาที่มีอายุเพียงแค่เก้าเดือน หลังจากที่นิโคลัสผู้เป็นสามีของสุพรรษาถูกลอบยิงจนเสียชีวิต แต่การได้เผชิญหน้ากับลาซาลอสอีกครั้ง มันกลับทำให้หล่อนทรมานเหลือเกิน
ใช่ หล่อนลาจากกรีซไปถึงสองปีก็จริง แต่ไม่เคยมีวันไหนเลยที่หล่อนจะสามารถลืมผู้ชายคนนี้ได้ เขายังคงเป็นคนที่หล่อนรัก และยังคงเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวของหล่อนไม่เปลี่ยนแปลง
หยาดน้ำตาใสๆ หล่นลงมาบนแก้มนวลโดยที่เจ้าของดวงหน้าไม่ทันรู้ตัว เมื่อนึกถึงความเจ็บปวดที่ไม่เคยเลือนหายไปจากหัวใจ หล่อนฝันถึงลาซาลอสเสมอ ทุกค่ำคืนเขายังตามมาหลอกหลอนถึงในฝัน หล่อนต้องใช้ความพยายามอย่างมากมายที่จะยับยั้งตัวเองไม่ให้กลับมายังกรีซ กลับมาหาเขา...
“พายไม่เคยลืมคุณได้เลย แม้จะพยายามแค่ไหนก็ตาม”
ก้อนสะอื้นถูกกลืนหายลงไปในลำคอ มือเล็กป้ายน้ำตาทิ้งเมื่อดวงตาเริ่มพร่าเลือนแทบมองรอบตัวไม่เห็น
“แต่คุณ...คงแทบจะจำพายไม่ได้แล้ว ใช่ไหมคะ”
หลายครั้งที่ลาซาลอสเดินทางมาที่นี่เพื่อปลอบใจสุพรรษา แต่เขากลับไม่เคยทักทายหล่อนเลย คงเป็นเพราะเขารังเกียจหล่อนมาก หรือไม่ก็คงลืมหล่อนไปแล้วนั่นเอง
พาขวัญฝืนยิ้ม แต่กลับยิ่งร้องไห้ หล่อนไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคิดถึงลาซาลอสด้วยซ้ำ สุพรรษามีสิทธิ์เพียงคนเดียว เพราะลาซาลอสรักสุพรรษาเท่านั้น หล่อนควรจะดีใจ ใช่...หล่อนดีใจที่ทั้งคู่จะกลับมาสานสัมพันธ์กันใหม่อีกครั้ง หลังจากที่พังทลายลงไปเมื่อสองปีก่อน
ร่างเล็กผุดลุกขึ้นยืน กำลังจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปภายในบ้าน เพราะเกรงว่าหากฟาลอสตื่นขึ้นมาแล้วไม่พบหล่อนจะร้องไห้เรียกหา แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเท้า ไฟจากหน้ารถยนต์คันหนึ่งก็สว่างวาบสาดแสงเข้ามาใส่ร่าง พร้อมกับซูเปอร์คาร์คันหรูที่แสนคุ้นตาแล่นเข้ามาจอด
พาขวัญจำไม่ได้ว่าตัวเองหยุดหายใจไปกี่วินาทีเมื่อรู้ว่ารถยนต์คันงามที่แล่นมาจอดภายในบริเวณบ้านนั้นเป็นของใคร มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ลาซาลอสเปิดประตู และเดินมาหยุดตรงหน้าแล้วนั่นละ
“...”
หล่อนพูดไม่ออก เบิกตากว้าง และเมื่อได้สติก็รีบผลุนผลันจะเดินหนี และคิดว่าเขาคงไม่เดินตาม หรือใส่ใจเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่แบบนั้น
แขนเรียวเล็กถูกคว้าเอาไว้ด้วยอุ้งมือใหญ่ที่แสนอบอุ่น ไอร้อนจากฝ่ามือกระด้างส่งผ่านเข้ามาภายในร่างสาว ทำให้พาขวัญสั่นเทาไปทั้งตัว
“ปละ ปล่อย...ค่ะ...”
เขาปล่อยแขนจากหล่อน ก่อนจะเดินอ้อมมาหยุดตรงหน้า ภายใต้สายตามืดดำ หล่อนไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าลาซาลอสกำลังคิดอะไร
แก้มนวลค่อยๆ มีสีระเรื่อขึ้น เมื่อถูกดวงตาคมกริบจับจ้องมองอย่างสำรวจตรวจตรา
“คือ...ขอ...ขอตัวค่ะ”
“ฉันมาเยี่ยมฟาลอส”
นี่สินะ คือเหตุผลของเขา
พาขวัญบอกตัวเองให้เย็นชาได้สักเพียงเสี้ยวหนึ่งของลาซาลอสก็ยังดี แต่ก็ทำไม่ได้
“ฟาลอสนอนแล้วค่ะ”
หล่อนพยายามอย่างที่สุดที่จะไม่ให้หางเสียงสั่น แต่มันก็ยังคงสั่นชัดเจนจนน่าสังเวชใจ
ลาซาลอสยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมอง ก่อนจะระบายยิ้มบางๆ
“แค่ทุ่มเศษ ยังไม่ดึกเกินไปหรอกมั้ง”
“แต่...ฟาลอสนอนแล้วจริงๆ ค่ะ”
เขาปล่อยมือจากไหล่ ก่อนจะเดินผ่านหน้าหล่อน ขึ้นบันไดบ้านไป พาขวัญยืนนิ่งตกใจ พอได้สติก็รีบวิ่งตาม
“ได้โปรดมาใหม่ในวันพรุ่งนี้เถอะค่ะ”
จู่ๆ คนที่ก้าวยาวๆ มุ่งหน้าไปตามทางเดินที่ปูด้วยไม้ปาร์เกต์สีน้ำตาลเข้มก็หยุดเดินกะทันหัน และนั่นก็ทำให้คนที่เดินแกมวิ่งตามมาเบรกไม่ทัน ร่างบอบบางจึงชนเข้ากับร่างกำยำอย่างจัง
